สวัสดีค่าาาา J วันนี้เราจะมาเเนะนำเทคนิคการจดโน๊ตเเละเเนะนำเทคนิคการเรื่องการอ่านหนังสือมาฝากค่าาาา
อ๊ะ!!!
เห็นว่าเป็นเรื่องเรียนเเล้วอย่าเพิ่งหนีกันไปน้าาเพราะว่ามันมีความรู้เเละมีสาระมาก
อยากให้ได้ลองอ่านกันดูเว้ย คือดีจริิงใช้ได้จริงสนุกด้วย เค้าคอนเฟิร์มค้าาาา
เรารู้ว่าทุกคนมีปัญหาเรื่องการเรียนด้วยกันทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเรียนไม่รู้เรื่อง อ่านเองไม่เข้าใจ หรือไม่มีวิธีการจำเเบบเกร๋ๆ
จะจดโน๊ตยังไงให้เข้าสมอง
เเละอันนี้สำคัญมากมากกกกกกเรื่องว่าเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ ก็คือ
อาการคิดอะไรไม่ออกถ้าถึง Deadline ก็คือนิสัยที่ชอบอ่านหนังสือก่อนสอบวันเดียวหรือการปั่นงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืนนั่นเอง
555555
เรารู้ว่าเป็นเพราะเราก็เป็นเหมือนกัน
เราจะมาเเก้ไขปัญหานี้ไปพร้อมกันค่ะ 1 2 3 สู้!!
เริ่มกันเนอะ
จดโน๊ตยังไงให้เวิร์คให้เข้าใจให้เป็นตัวเรา
อย่างเเรกเลยเราก็เลือกเเบบการจดโน๊ตก่อนว่ามันเข้ากับเราไหมทำเเบบไหนเเล้วรู้รู้สึกว่าโอ๊ยยยโคตรใช่เลย
เราก็มีมาเเนะนำหลายเเบบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นจดในสมุดธรรมดา เป็นการ์ด เป็นโปสเตอร์
เเบบคอร์เนล หรือจะเป็นเเบบ mind mapping นะคะ
ก่อนเราจะเริ่มเขียนโน๊ตกัน
มีอะไรบ้างที่จำเป็น อย่างเเรกต้องสมุดจดหาซื้อได้ตามทั่วไปค่ะ
เชื่อว่ามีที่ถูกใจใครหลายคนชัวๆ มีทั้งเเบบเรีนบง่าย มีลาย มีเส้นมีตาราง
โอยยยเยอะเเยะมากมายลองไปเลือกๆดู
อย่างที่สองก็คือปากกาดิสอ สี
บลาบลาๆที่บางคนก็มีมากจนสามารถเปิดร้านขายเครื่องเขียนได้ เเล้วเราก็เลือกfont ที่เราอยากให้มันปรากฎไว้บนสมุดของเราค่ะ พูดเหมือนง่ายนะะ
มันก็ง่ายนะในวันเเรกอ่ะ วันที่2345 จะยากมากเพราะไฟหมด เห้ยยยอย่าเพิ่ง!! ลองดูกันก่อนนะ
มาดูที่เเบบแรกกัน cornell
note- Taking อันนี้เราเอามาจาก ig :
littleblogforstudy ค่ะ
ซึ่งเป็นวิธีการจดเลคเชอร์เเบบมหาวิทยาลัยคอร์เนล
1.
Note-taking area เอาไว้จดทุกอย่างเท่าที่เราจะจดค่ะ
เหมือนจดเนื้อหารายละเอียต่างๆที่สำคัญมากๆ
2.
Cue column เอาไว้จด keyword
เเละคำถามที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของเนื้อหาที่เรากำลังจดหรือเรียนอยู่
หลักๆเลยคือส่วนที่เราสามารถเล่าเป็นลำดับๆให้คนอื่นเข้าใจได้
3.
summary area ตรงนี้เอาไว้จดหลังจากที่เราเรียนเสร็จเเล้ว
กลับมาทบทวนหรือความรู้สึกข้อคิดเห็นคำถามต่างๆ
จริงๆ ไอmind map
เนี่ยยทำมาตั้งเเต่เด็กยันโตเลยย
ท่าทางจะเบื่อเเละไม่อยากทำมันมากเลยใช่ไหม เวลาที่ครูสั่งชิ้นงาน mind
mapเนี่ยเเทบอยากจะกระโดดลงตึกไปเร็วๆ
ถ้าคุณคิดเเบบนั้นคุณคิดถูกเเล้วค่ะ55555 เเต่ความจริงเเล้วมันมีคุณสมบัติที่ดีกว่าที่เราคิดน้าา
เพราะมันเป็นการสรุปที่ครบเครื่องมากๆเเล้วก็ทำให้เราเข้าใจภายในครั้งเดียว
ยิ่งเวลากลับมาดูกลับมาทบทวนอีกครั้งนี่เป็นอะไรที่ไวต่อสมองยิ่งกว่ากินเปปทีนอีกนะคะ
ข้อเเนะนำเพิ่มเติมสำหรับการทำ mind
map ก็คือ
เวลาที่เราเเตกกิ่งมันออกมาเนี่ยเราควรที่จะให้กิ่งนั้นๆเป็นสีเดียวกัน เเล้วกิ่งย่อยเเต่ละหัวข้อก็ควรเป็นสีเดียวกัน
เพื่อเเยกไม่ให้เเต่ล้ะกิ่งเเต่ละหัวข้อมันปนกันนั่นเอง
ต่อไปขอนำเสนอนี่เลยยยยย
วิธีการจดศัพท์เเละท่องศัพท์ค่า
มันคือการ์ดคำศัพท์นั่นเอง
เราจะเเบ่งออกมาเป็น 3 กลุ่ม
1. กลุ่มนี้เอาไว้เเยกคำศัพท์ที่เรารู้อยู่เเล้ว เเบบเเม่นๆเลย
2. กลุ่มนี้คือคำที่เรายังท่องผิดๆถูกๆมั่วบ้างฟลุ๊คบ้าง
3. ส่วนกลุ่มสุดท้ายเป็นคำศัพท์เเปลกไม่
คือคำไรอ่ะไม่รู้เลยไปอยู่ที่ไหนมา
เป็นกลุ่มที่เราจะพยายามพกไปทุกที่ไม่เว้นเเต่ห้องน้ำค่ะ
เราจะท่องมันจนกว่ามันจะย้ายปอยู่กลุ่มเเรกค่ะ
อันนี้เป็นเเบบที่คนใช้เยอะเป็นที่นิยมค่ะ
ก็คือเขียนคำศัพท์ไว้ที่โพสต์อิทเเล้วก็เเปะไว้ทั่วบ้านค่ะ คัลเลอร์ฟูสุดๆ
ส่วนขั้นตอนสุดท้ายที่เอามาเเนะนำก็คือ
ตีตารางในสมุด หรือจะซื้อสมุดเเบบตารางก็ได้ค่ะ
- part of
speech
- prefix/suffix
: อย่างเช่นคำว่า ject เราก็เเยกคำศัพท์ออกมาเป็น object,reject,eject
เป็นต้น
- synonym /
antonym
- similar
meaning : increase = extend, expand, accelerate, reinforce, intensify
- เเบ่งเป็นหมวด sports =
tennis, football, basketball
ความขี้เกียจที่ใครๆก็มี
เราเข้าใจว่าการก้าวผ่านความขี้เกียจที่สูงเท่าต้นถั่วในเเจ็คผู้ฆ่ายักษ์
(หืมมมสูงไปป่ะ) มันไม่ยากเว้ยเเต่ยากมาก มาดูกันว่าเราจะพิชิตมันได้ยังไง
- หากไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนเริ่มยังไงดี
ให้เราเขียนสิ่งที่เราจะทำเช่นการบ้านการสอบการอ่านหนังสือ
กำหนดเวลาเริ่มเเละกำหนดเวลาทำให้เสร็จให้เรียบร้อย
พยายามทำงานให้เสร็จก่อนช่วงสอบก็ได้ไม่ต้องเครียดไม่ต้องปั่นงานกับอ่านหนังสือสอบพร้อมกัน
- สิ่งที่อ่านอยู่มันเกินจะทนเเล้วจริงๆ
มันไม่ไหวมันไม่ใช่ มันจะหลับเอาให้ได้ ควรทำยังไง? เราก็ควรทำตัวให้แอคทีฟอยู่ตลอดพยายามคิดว่ามันคืออะไรทำอะไรที่ไหนยังไง
หรือไม่ก็ทำเป้นเรื่องเเล้วติวให้เพื่อนก็น่าะเป็นวิธีที่ดีนะคะ
- บางทีถ้าเราึู้สึกท้อรู้สึกเหนื่อยรู้สึกเหมือนไม่รู้ว่าที่กำลังทำอยู่นั้นทำไปเพื่ออะไร
เเค่เราคิดถึงพ่อเเม่เราอ่ะมันก็ทำให้เราหายเหนื่อยเเล้วอยากจะสู้อีกครั้งนะ
เราเชื่อว่าความขี้เกียจของเราไม่มีวันเอาชนะความพยายามของเราได้หรอก
ของเเถม
รีวิวการเขียนไดอารี่ประจำวัน
หลายๆคนคิดว่าการเขียนไดอารี่นี่เป็นยุคพ่อเเม่เท่านั้นที่รุ่งเรื่อง
ตอนนี้คงล่มสลายเพราะยุคสมาร์ทโฟนเข้ามาเเทนที
เเต่ถ้าโดยความรู้สึกนะมันต่างกันมากอะ
มันเหมือนเป้นความรู้สึกของเราวันต่อวันที่ออกมาากความคิดของเราจริงๆว่าวันนี้เราเจออะไรมาบ้างเรารู้สึกยังไง
เป็นเเบบไหนทำอะไรไม่ดีมาอยากจะเเก้ไขอะไรบ้างผ่านตัวอักษรที่เขียนลงไปได้อยากอิสระ
ไม่ใช่การพิมการเเชทเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง
จริงๆเเชทกับเพื่อนมันก็สนุกนะเรื่องราวจากที่เฉยๆก็กลายเป็นตื่นเต้นเร้าใจยกกำลังสองได้อะ
เเต่มันก็คงต่างจากเขียนไดอารี่
ตรงที่มันมีความเป็นส่วนตัวเป็นตัวเอง เป็นความคิดของเราล้วนๆที่เราเองบางทีก็ไม่สามารถเล่าให้คนอื่นฟังได้ หรือไม่ต้องมานั่งกังวลว่าคำพูดนี้จะทำให้ใครต้องเจ็บปวดไหม ตัวหนังสือพวกนั้นเหมือนทำให้เรากลับมาทบทวนความรู้สึกของตัวเองในเเต่ละวันเพื่อที่ะเเก้ไขตัวเองไปเรื่อยๆ
อยากให้เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านได้ลองทำดูนะ คือลองทำเเล้วเว้ยมันดีจริงๆเลยเอามาฝากกัน ชีวิตเปลี่ยนจริงนะเเกรรรรรรร <3
ต้องขอขอบคุณ littleblogforstudy ทั้งรูปภาพเเละคำเเนะนำ
เป็นไอจีที่เเนะนำเกี่ยวกับการเรียนคือดีมากอ่ะะะ มีเเต่คำเเนะนำดีดีทั้งนั้นน
กราบงามๆๆ ไปฟอลสิคะรออะไรอยู่