เพลง

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

week 5 เรื่องที่นักเรียนสนใจ : จะสอบมาฟิตจดโน๊ตกัน

    สวัสดีค่าาาา J  วันนี้เราจะมาเเนะนำเทคนิคการจดโน๊ตเเละเเนะนำเทคนิคการเรื่องการอ่านหนังสือมาฝากค่าาาา อ๊ะ!!! เห็นว่าเป็นเรื่องเรียนเเล้วอย่าเพิ่งหนีกันไปน้าาเพราะว่ามันมีความรู้เเละมีสาระมาก อยากให้ได้ลองอ่านกันดูเว้ย คือดีจริิงใช้ได้จริงสนุกด้วย เค้าคอนเฟิร์มค้าาาา

 

       เรารู้ว่าทุกคนมีปัญหาเรื่องการเรียนด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเรียนไม่รู้เรื่อง อ่านเองไม่เข้าใจ หรือไม่มีวิธีการจำเเบบเกร๋ๆ จะจดโน๊ตยังไงให้เข้าสมอง เเละอันนี้สำคัญมากมากกกกกกเรื่องว่าเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ ก็คือ อาการคิดอะไรไม่ออกถ้าถึง Deadline ก็คือนิสัยที่ชอบอ่านหนังสือก่อนสอบวันเดียวหรือการปั่นงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืนนั่นเอง 555555 เรารู้ว่าเป็นเพราะเราก็เป็นเหมือนกัน เราจะมาเเก้ไขปัญหานี้ไปพร้อมกันค่ะ  1 2 3 สู้!!


เริ่มกันเนอะ จดโน๊ตยังไงให้เวิร์คให้เข้าใจให้เป็นตัวเรา
อย่างเเรกเลยเราก็เลือกเเบบการจดโน๊ตก่อนว่ามันเข้ากับเราไหมทำเเบบไหนเเล้วรู้รู้สึกว่าโอ๊ยยยโคตรใช่เลย เราก็มีมาเเนะนำหลายเเบบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นจดในสมุดธรรมดา เป็นการ์ด เป็นโปสเตอร์ เเบบคอร์เนล หรือจะเป็นเเบบ mind mapping นะคะ 




ก่อนเราจะเริ่มเขียนโน๊ตกัน มีอะไรบ้างที่จำเป็น อย่างเเรกต้องสมุดจดหาซื้อได้ตามทั่วไปค่ะ เชื่อว่ามีที่ถูกใจใครหลายคนชัวๆ มีทั้งเเบบเรีนบง่าย มีลาย มีเส้นมีตาราง โอยยยเยอะเเยะมากมายลองไปเลือกๆดู
อย่างที่สองก็คือปากกาดิสอ สี บลาบลาๆที่บางคนก็มีมากจนสามารถเปิดร้านขายเครื่องเขียนได้ เเล้วเราก็เลือกfont ที่เราอยากให้มันปรากฎไว้บนสมุดของเราค่ะ พูดเหมือนง่ายนะะ มันก็ง่ายนะในวันเเรกอ่ะ วันที่2345 จะยากมากเพราะไฟหมด เห้ยยยอย่าเพิ่ง!! ลองดูกันก่อนนะ

มาดูที่เเบบแรกกัน cornell note- Taking อันนี้เราเอามาจาก ig : littleblogforstudy ค่ะ 
ซึ่งเป็นวิธีการจดเลคเชอร์เเบบมหาวิทยาลัยคอร์เนล 
วิธีการก็ง่ายๆค่ะ เริ่มโดยการเเบ่งกระดาษออกเป็น3ส่วน ตามภาพ เป็น 

1. Note-taking area เอาไว้จดทุกอย่างเท่าที่เราจะจดค่ะ เหมือนจดเนื้อหารายละเอียต่างๆที่สำคัญมากๆ
2. Cue column เอาไว้จด keyword เเละคำถามที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของเนื้อหาที่เรากำลังจดหรือเรียนอยู่ หลักๆเลยคือส่วนที่เราสามารถเล่าเป็นลำดับๆให้คนอื่นเข้าใจได้
3. summary area ตรงนี้เอาไว้จดหลังจากที่เราเรียนเสร็จเเล้ว กลับมาทบทวนหรือความรู้สึกข้อคิดเห็นคำถามต่างๆ

ต่อไปคือเเบบ mind mapping นะคะ


จริงๆ ไอmind map เนี่ยยทำมาตั้งเเต่เด็กยันโตเลยย ท่าทางจะเบื่อเเละไม่อยากทำมันมากเลยใช่ไหม เวลาที่ครูสั่งชิ้นงาน mind mapเนี่ยเเทบอยากจะกระโดดลงตึกไปเร็วๆ ถ้าคุณคิดเเบบนั้นคุณคิดถูกเเล้วค่ะ55555 เเต่ความจริงเเล้วมันมีคุณสมบัติที่ดีกว่าที่เราคิดน้าา เพราะมันเป็นการสรุปที่ครบเครื่องมากๆเเล้วก็ทำให้เราเข้าใจภายในครั้งเดียว ยิ่งเวลากลับมาดูกลับมาทบทวนอีกครั้งนี่เป็นอะไรที่ไวต่อสมองยิ่งกว่ากินเปปทีนอีกนะคะ 
ข้อเเนะนำเพิ่มเติมสำหรับการทำ mind map ก็คือ เวลาที่เราเเตกกิ่งมันออกมาเนี่ยเราควรที่จะให้กิ่งนั้นๆเป็นสีเดียวกัน เเล้วกิ่งย่อยเเต่ละหัวข้อก็ควรเป็นสีเดียวกัน เพื่อเเยกไม่ให้เเต่ล้ะกิ่งเเต่ละหัวข้อมันปนกันนั่นเอง
                                                                 
ต่อไปขอนำเสนอนี่เลยยยยย วิธีการจดศัพท์เเละท่องศัพท์ค่า 


  index cards or flash cards 

 

มันคือการ์ดคำศัพท์นั่นเอง เราจะเเบ่งออกมาเป็น 3 กลุ่ม 
1. กลุ่มนี้เอาไว้เเยกคำศัพท์ที่เรารู้อยู่เเล้ว เเบบเเม่นๆเลย
2. กลุ่มนี้คือคำที่เรายังท่องผิดๆถูกๆมั่วบ้างฟลุ๊คบ้าง
3. ส่วนกลุ่มสุดท้ายเป็นคำศัพท์เเปลกไม่ คือคำไรอ่ะไม่รู้เลยไปอยู่ที่ไหนมา เป็นกลุ่มที่เราจะพยายามพกไปทุกที่ไม่เว้นเเต่ห้องน้ำค่ะ เราจะท่องมันจนกว่ามันจะย้ายปอยู่กลุ่มเเรกค่ะ

    poster/sticky notes


อันนี้เป็นเเบบที่คนใช้เยอะเป็นที่นิยมค่ะ ก็คือเขียนคำศัพท์ไว้ที่โพสต์อิทเเล้วก็เเปะไว้ทั่วบ้านค่ะ คัลเลอร์ฟูสุดๆ 

ส่วนขั้นตอนสุดท้ายที่เอามาเเนะนำก็คือ ตีตารางในสมุด หรือจะซื้อสมุดเเบบตารางก็ได้ค่ะ
วิธีทำมีดังนี้ ตีตารางเป็นช่องตามต่อไปนี้



  • part of speech 
  • prefix/suffix : อย่างเช่นคำว่า ject เราก็เเยกคำศัพท์ออกมาเป็น object,reject,eject เป็นต้น
  • synonym / antonym 
  • similar meaning : increase = extend, expand, accelerate, reinforce, intensify
  • เเบ่งเป็นหมวด sports = tennis, football, basketball 

ความขี้เกียจที่ใครๆก็มี เราเข้าใจว่าการก้าวผ่านความขี้เกียจที่สูงเท่าต้นถั่วในเเจ็คผู้ฆ่ายักษ์ (หืมมมสูงไปป่ะ) มันไม่ยากเว้ยเเต่ยากมาก มาดูกันว่าเราจะพิชิตมันได้ยังไง

  • หากไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนเริ่มยังไงดี ให้เราเขียนสิ่งที่เราจะทำเช่นการบ้านการสอบการอ่านหนังสือ กำหนดเวลาเริ่มเเละกำหนดเวลาทำให้เสร็จให้เรียบร้อย พยายามทำงานให้เสร็จก่อนช่วงสอบก็ได้ไม่ต้องเครียดไม่ต้องปั่นงานกับอ่านหนังสือสอบพร้อมกัน
  • สิ่งที่อ่านอยู่มันเกินจะทนเเล้วจริงๆ มันไม่ไหวมันไม่ใช่ มันจะหลับเอาให้ได้ ควรทำยังไง? เราก็ควรทำตัวให้แอคทีฟอยู่ตลอดพยายามคิดว่ามันคืออะไรทำอะไรที่ไหนยังไง หรือไม่ก็ทำเป้นเรื่องเเล้วติวให้เพื่อนก็น่าะเป็นวิธีที่ดีนะคะ
  • บางทีถ้าเราึู้สึกท้อรู้สึกเหนื่อยรู้สึกเหมือนไม่รู้ว่าที่กำลังทำอยู่นั้นทำไปเพื่ออะไร เเค่เราคิดถึงพ่อเเม่เราอ่ะมันก็ทำให้เราหายเหนื่อยเเล้วอยากจะสู้อีกครั้งนะ เราเชื่อว่าความขี้เกียจของเราไม่มีวันเอาชนะความพยายามของเราได้หรอก 


ของเเถม

รีวิวการเขียนไดอารี่ประจำวัน หลายๆคนคิดว่าการเขียนไดอารี่นี่เป็นยุคพ่อเเม่เท่านั้นที่รุ่งเรื่อง ตอนนี้คงล่มสลายเพราะยุคสมาร์ทโฟนเข้ามาเเทนที เเต่ถ้าโดยความรู้สึกนะมันต่างกันมากอะ มันเหมือนเป้นความรู้สึกของเราวันต่อวันที่ออกมาากความคิดของเราจริงๆว่าวันนี้เราเจออะไรมาบ้างเรารู้สึกยังไง เป็นเเบบไหนทำอะไรไม่ดีมาอยากจะเเก้ไขอะไรบ้างผ่านตัวอักษรที่เขียนลงไปได้อยากอิสระ ไม่ใช่การพิมการเเชทเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง จริงๆเเชทกับเพื่อนมันก็สนุกนะเรื่องราวจากที่เฉยๆก็กลายเป็นตื่นเต้นเร้าใจยกกำลังสองได้อะ เเต่มันก็คงต่างจากเขียนไดอารี่



ตรงที่มันมีความเป็นส่วนตัวเป็นตัวเอง เป็นความคิดของเราล้วนๆที่เราเองบางทีก็ไม่สามารถเล่าให้คนอื่นฟังได้ หรือไม่ต้องมานั่งกังวลว่าคำพูดนี้จะทำให้ใครต้องเจ็บปวดไหม ตัวหนังสือพวกนั้นเหมือนทำให้เรากลับมาทบทวนความรู้สึกของตัวเองในเเต่ละวันเพื่อที่ะเเก้ไขตัวเองไปเรื่อยๆ 











อยากให้เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านได้ลองทำดูนะ คือลองทำเเล้วเว้ยมันดีจริงๆเลยเอามาฝากกัน ชีวิตเปลี่ยนจริงนะเเกรรรรรรร <3

ต้องขอขอบคุณ littleblogforstudy ทั้งรูปภาพเเละคำเเนะนำ เป็นไอจีที่เเนะนำเกี่ยวกับการเรียนคือดีมากอ่ะะะ มีเเต่คำเเนะนำดีดีทั้งนั้นน กราบงามๆๆ ไปฟอลสิคะรออะไรอยู่

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

week4 โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ c


       ภาษาคอมพิวเตอร์ เป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อควบคุมและสั่งงานให้เครื่องทำงานตามคำสั่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งในปัจจุบันภาษาคอมพิวเตอร์ได้มีผู้พัฒนาออกมามากมายหลานภาษา ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องทำความเข้าใจถึงหลักการเขียน และรูปแบบโครงสร้างคำสั่งของภาษานั้นๆ โดยภาษาคอมพิวเตอร์ได้แบ่งออกเป็น 5 ระดับคือ
       1.ภาษาเครื่อง (Machine Language)
       2. ภาษาระดับต่ำ (Low Level Language)
       3.ภาษาระดับสูง (High level Language)
       4 ภาษาระดับสูงมาก (Very High-level Language)
       5 ภาษาธรรมชาติ (Nature language)

(http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/tech04/27/pictures/cc.jpg)
 ประวัติโดยย่อของภาษาซี
         ภาษาซีพัฒนาขึ้นมาในปี ค.ศ. 1970 โดย เดนนิส ริชชี ( Dennis Ritchie ) แห่ง Bell Telephone Laboratories, Inc. (ปัจจุบันคือ AT&T Bell Laboratories ) ซึ่งภาษาซีนั้นมีต้นกำเนิดมาจากภาษา 2 ภาษาคือ ภาษา BCPL คิดค้นโดย มาร์ติน ริชาร์ด (Martin Richard) และภาษา B คิดค้นโดย เคน ทอมป์สัน (Ken Thompson) ซึ่งภาษาทั้งคู่เป็นภาษาที่พัฒนาขึ้นมาใน Bell Laboratories เช่นกัน เมื่อมีการศึกษาภาษาบีอย่างละเอียดได้พบข้อบกพร่องต่างๆ ของภาษาบี จึงได้มีการพัฒนารูปแบบภาษาบีขึ้นใหม่ให้มีหลักการทำงานที่ดีกว่าเดิม และใช้ชื่อใหม่ว่า ภาษาซี (C language)
        ภาษาซีนั้นถูกใช้งานอยู่เพียงใน Bell Laboratories จนกระทั่งปี ค.ศ. 1978 ไบรอัน เคอร์นิแฮม ( Brian Kernigham ) และริชชี ( Ritchie ) ได้จัดพิมพ์หนังสือชื่อว่า “C Programming Language” ทำให้เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ “K&R C” หลังจากที่ตีพิมพ์ข้อกำหนดของ K&R ทำให้นักคอมพิวเตอร์หลายๆคนรู้สึกประทับใจกับคุณสมบัติที่สนใจของภาษาซี และเริ่มส่งเสริมการใช้งานภาษาซีมากขึ้นในกลางปี ค.ศ. 1980 ภาษาซีก็กลายเป็นภาษาที่ได้รับความนิยมโดยทั่วไปมีการพัฒนาตัวแปลโปรแกรมพัฒนาโปรแกรมเชิงพาณิชย์เป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นโปรแกรมเชิงพาณิชย์ที่เคยพัฒนาขึ้นมาโดยใช้ภาษาอื่น ก็ถูกเขียนขึ้นใหม่โดยใช้ภาษาซี เนื่องจากความต้องการใช้ ความได้เปรียบทางด้านประสิทธิภาพและความสามารถในการเคลื่อนย้ายได้ของภาษาซี ตัวแปลโปรแกรมภาษาซีที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาในเชิงพาณิชย์นั้น จะมีความแตกต่างกับข้อกำหนดของ Kernigham และ Ritchie อยู่บ้าง จากจุดนี้เองทำให้เกิดความไม่เข้ากันระหว่างตัวแปลโปรแกรมภาษาซีซึ่งก็ทำให้สูญเสียคุณสมบัติการเคลื่อนย้ายได้ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของภาษา
(http://www4.csc.ku.ac.th/~b5340205428/image/dos.png)

        คุณสมบัติของภาษาซี
     - เป็นภาษาที่เป็นโครงสร้างทำให้เขียนโปรมสะดวกง่ายสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้รวดเร็วกว่าภาษาอื่นๆ
         - คอมไพเลอร์ภาษาซีทุกโปรแกรมในท้องตลาดจะทำงานอ้างอิง มาตรฐาน (ANSI = Ameri-can National Standard's Institute) เกือบทั้งหมด จึงทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาซีสามารถนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ทุกรุ่นที่มาตรฐาน ANSI รับรอง
         - สามารถนำภาษาซีไปใช้ในการเขียนโปรแกรมประยุกต์ได้หลายระดับ เช่น เขียนโปรแกรมจัดระบบงาน (OS) คอมไพเลอร์ของภาษาอื่น
         - มีโปรแกรมช่วย (Tool Box) ที่ช่วยในการเขียนโปรแกรมมาก และราคาไม่แพงหาซื้อได้ง่าย เช่น Turbo C, Borland C เป็นต้น
         - สามารถประกาศข้อมูลได้หลายชนิดและหลายรูปแบบ ทำให้สะดวกรวดเร็วต่อการพัฒนาโปรแกรมตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้
         - ประยุกต์ใช้ในงานสื่อสารข้อมูลและงานควบคุมที่ต้องการความแม่นยำในเรื่องเวลา (Real Time Application) ได้กล่าวว่าภาษาระดับสูงอื่นๆ หลายๆ ภาษา
         - สามารถเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP = Object Oriented Programming) ได้ หากใช้ภาษาซีรุ่น Turbo C++ ขึ้นไป ทำให้สามารถพัฒนาโปรแกรมประยุกต์เพื่อใช้งานได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTWSl-w
NmFcBp2FRWDDyOaj8d0lqGJOlgR7lto7YRL8wbC2fsRYYQ)



        อ้างอิง จิ้ม





วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week3: social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

Week3: social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

โซเชียลมีเดียเรียกได้ว่าเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายและมีอิทธิพลอย่างกว้างขวางในหลากหลายวงการ ซึ่งไม่จำกัดเพียงแค่ในแวดวงธุรกิจและการตลาดที่เรามักนำเสนอกันอยู่เป็นประจำเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลไปในวงกว้างไม่ว่าจะเป็นแวดวงการศึกษา, การเมืองหรือแม้แต่ในด้านดนตรี ซึ่งในวันนี้เรามีบทความจากเว็บไซต์ Mylife.com ที่จะมาสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลอย่างไรบ้างในแต่ละวงการ

เริ่มต้นกันด้วยที่ แวดวงการศึกษา (Education) ปัจจุบันพบว่ามีจำนวนนักเรียนและนักศึกษาในสหรัฐฯที่ใช้งานโซเชียลมีเดียคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของจำนวนทั้งหมด โดยกว่า 59% ของนักเรียนทั้งหมดใช้โซเชียลมีเดียเพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรืองของการศึกษา รวมถึง 50% ยังใช้โซเชียลมีเดียเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานหรือการบ้านที่ได้รับด้วยเช่นกัน ซึ่งการใช้งานโซเชียลมีเดียในแวดวงการศึกษาไม่ถูกจำกัดเพียงแค่ในกลุ่มนักเรียนเท่านั้น แต่คุณครูและอาจารย์ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยการผลสำรวจพบว่ากว่า 30% ของคุณครูทั้งหมดใช้โซเชียลมีเดียมีเดียเพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารกับนักเรียนและอีกมากกว่า 50% ก็ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเป็นตัวช่วยในการสอนหนังสือ

ต่อด้วยทางด้านสังคม  แวดวงข่าวสารและสื่อสารมวลชน (News) ในยุคดิจิตอลโซเชียลมีเดียกลายมาเป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารขนาดใหญ่จากทั่วทุกมุมโลก โดยโซเชียลมีเดียถูกใช้เป็นช่องทางในการรับข่าวสารโดยเฉพาะข่าวด่วน (Breaking News) คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 50% ของผู้บริโภคทั้งหมด รวมถึงโซเชียลมีเดียยังเป็นช่องทางในการรับข่าวสารที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกัน โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 27.8% ซึ่งเป็นรองจากอันดับที่ 1 อย่างทางหนังสือพิมพ์คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 1% เท่านั้น นอกจากนี้ในกลุ่มนักข่าวกว่า 65% ยังหันมาใช้โซเชียลมีเดียมีเดียอย่าง Facebook และ Linkedin มาก่อนเป็นอันดับต้นๆเพื่อค้นหาข่าวสารและข้อมูลต่างๆ


แวดวงการจ้างงาน (Employment) จากผลการสำรวจพบว่าปัจจุบันกลุ่มผู้สมัครงานเริ่มหันมาค้นหาตำแหน่งงานผ่านโซเชียลมีเดียเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 6 ของผู้สมัครงานทั้งหมด โดยโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้สมัครงานมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 คือ Facebook (52%) รองลงมาเป็น Linkedin (38%) และ Twitter (34%) แต่ในทางกลับกันบริษัทส่วนใหญ่กว่า 89% กลับใช้ Linkedin เพื่อค้นหาผู้สมัครงานมากที่สุดเป็นอันดับแรก ตามมาด้วย Facebook (26%) และ Twitter (15%) ซึ่งในเวลานี้มีจำนวนบริษัทมากกว่า 2.6 ล้านบริษัทที่มีเพจบน Linkedin


แวดวงเศรษฐกิจ (Economy) โซเชียลมีเดียกลายมาเป็นธุรกิจประเภทใหม่ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในแวดวงธุรกิจ ซึ่งช่วยสร้างตำแหน่งงานได้มากกว่า 1,000 ตำแหน่ง อีกทั้งยังช่องทางใหม่ที่ช่วยสร้างรายได้และยอดขายให้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งทาง Facebook รายงานว่าในไตรมาสที่ 3 ของปี 2012 ที่ผ่านมา Facebook มีรายได้รวมกันอยู่ที่ 1,260 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิมจาก 954 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2011



 แวดวงการตลาด (Marketing) โดยผลการสำรวจพบว่าในแง่มุมของนักธุรกิจโซเขียลมีเดียเป็นช่องทางสำคัญในการทำการตลาดที่ช่วยสร้าง Lead ได้มากกว่าช่องทางอื่นอย่าง Trade Show, Direct Mail, Telemarketing, และ PPC (Pay Per Click) ถึง 2 เท่าตัว รวมถึงโซเชียลมีเดียยังมีอัตราการซื้อสินค้าต่อจำนวนการคลิก หรือ Conversion Rate มากกว่าค่าเฉลี่ยปกติถึง 13% ส่วนในแง่มุมของผู้บริโภคพบว่ากว่า 46% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมีการใช้งานโซเชียลมีเดียเพื่อเป็นช่องทางที่ช่วยในการตัดสินใจก่อนซื้อสินค้า

จากข้อมูลที่นำเสนอนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงบทบาทของโซเชียลมีเดียในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบไปในหลากหลายวงการ


ที่มา http://thumbsup.in.th/2013/08/socialmedia-is-changing-the-world/
      http://images.huffingtonpost.com/2014-05-08-Contentmarketing.jpg
      http://www.thaihealth.or.th/data/content/25318/cms/e_ahjnotuvw148.jpg
      https://blog.eduzones.com/images/blog/content2marketing/20141213-1418459289.02-3.png
      http://www.addkutec3.com/wp-content/uploads/2012/12/60-seconds-in-social-media-logo.jpg
      http://www.orphicpixel.com/wp-content/uploads/2012/06/social-media1.jpg
      http://www.4thdimensionwebmarketing.com/wp-content/uploads/2014/03/22187942_s.jpg
      



วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

week 2 เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ (CSI : Crime Scene Investigation)

CSI : Crime Scene Investigation
ซีเอสไอ: ไครม์ ซีน อินเวสติเกชัน (CSI: Crime Scene Investigation)
·       รายการนี้เกี่ยวกับทีมนักนิติเวชวิทยา ที่อยู่ในเมืองลาส เวกัส, รัฐเนวาดา ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีประสิทธิภาพในการสืบสวน (เหตุผลที่เลือกเมืองนี้ไม่ได้เลือกเพื่อการแสดงเท่านั้น แต่เพราะว่าห้องทดลองอาชญากรรมของกรมตำรวจเมืองลาส เวกัส ยังมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเป็นที่สองในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย จะเป็นรองก็แต่ห้องทดลองของสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา - FBI ในเมือง ควอนทิโค, รัฐเวอร์จิเนียเท่านั้น)


·       ซีซั่นแรก ของ CSI ดำเนินเรื่องใน ลาสเวกัส แต่ต่อมามีการขยายเนื้อเรื่องไปในเมืองอื่นๆ เช่น ไมอามี่ (อังกฤษ: CSI: Miami) และ ซีเอสไอ นิวยอร์ก (อังกฤษ: CSI: NY) (นิวยอร์ก) ซึ่งแต่ละภาค แต่ละซีซั่นนั้นจะใช้นักแสดงที่แตกต่างกันออกไป





·       ซึ่งในการสืบสวนหรือสอบสวนของทีมนักนิติเวชวิทยานั้น จะไม่ธรรมดา และบางครั้งก็น่าสยดสยองหรือมีการตายอย่างปริศนา เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและความเป็นมาของผู้ที่เสียชีวิต นอกจากนี้พวกเขายังสอบสวนอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย แต่ประเด็นหลักของเรื่องจะเกี่ยวกับการฆาตรกรรม





·       รายการนี้เป็นที่รู้จักดีในการใช้มุมกล้องสุดพิสดาร, การใช้อุปกรณ์อันทันสมัย, บทสนทนาที่เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะ, และการแสดงกราฟิกของสิ่งต่างๆ เช่นวิถีกระสุน, กระจายของเลือดเวลาโดนยิงหรือชำแหละ, ภาพความเสียหายของอวัยวะภายใน, และวิธีการกู้และเก็บหลักฐานหลากหลายวิธี เช่น ลายนิ้วมือจากด้านในของถุงมือลาเท็กซ์, รวมถึงการจำลองเหตุการณ์ขึ้นมาใหม่แม้ว่าในชีวิตจริงนักอาชญวิทยาเหล่านี้แทบไม่ได้ออกจากห้องทดลองนอกจากออกไปเก็บตัวอย่างภาคสนาม (ถ้าเคยก็น่าจะน้อยมากๆ), สอบสวนผู้ต้องหา, แต่ CSI ก็แสดงให้เห็นส่วนเล็กๆ ในงานกิจการตำรวจของสหรัฐอเมริกา (หรือประเทศอื่นๆ ด้วย), ซึ่งยอมเสี่ยงทำให้รายการอาจไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในด้านนิติเวชวิทยายังติด้านความสมจริงของรายการอยู่ อย่างเช่นผลวิเคราะห์ทางนิติเวชมักจะเร็วกว่าความเป็นจริงเพื่อพาผู้ชมไปสู่บทสรุปของตอนโดยเร็ว ด้วยอุปกรณ์ทันสมัยที่มีราคาแพงมากในความเป็นจริง กรณีนี้สามารถยกตัวอย่างได้จากหลายๆ ตอนของรายการที่ตัวละครจะใช้โปรแกรมฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ (จำลอง) ในการสืบหลักฐาน เช่นลายนิ้วมือ โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ในขณะที่การวิเคราะห์ลายนิ้วมือจริงๆ นั้นจะใช้เวลานาน และอาศัยความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน (นักสืบ) ที่ดูรายการนี้ขอข้อมูลแบบในรายการกับผู้เชี่ยวชาญจริง ซึ่งในชีวิตจริงนั้นยังทำไม่ได้ ยังมีความกังวลจากข้าราชการตุลาการในสหรัฐอเมริกา ด้วยว่าถ้าลูกขุนรับชมรายการนี้อยู่เป็นประจำอาจทำให้เกิดความเชื่อมั่นในหลักฐานทางนิติเวชที่ถูกนำเสนอในศาลมากเกินเหตุ ผลกระทบนี้ถูกเรียกเล่นๆ ว่า "ผลกระทบทาง CSI"


   อย่างไรก็ตามคิดว่านอกจากได้ความสนุกสนานแล้ว ยังได้ความรู้ ถึงแม้มันอาจจะมีความสมจริงไม่มากเท่าของจริงก็ตาม อย่างน้อยควมมรู้นอกห้องเรียนนี้ มีทั้งศัพท์เฉพาะ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จริงๆ หรือผลวิเคราะห์ทางนิติเวชก็ถือว่าเป็นหนึ่งในความรู้รอบตัวที่น่าสนใจเช่นกัน ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนดูด้วยวิจารณญาณในการรับชม เพราะอาจมีบางส่วนของเรื่องที่มีภาพไม่น่าพิศมัย ก็ขอให้ทำให้ก่อนดูด้วยนะจ๊ะ แต่รับรองว่าสนุกสมใจแน่นอน



ที่มา:


วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week1 เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน

ความสำคัญของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยีในปัจจุบันมีความสำคัญในชีวิตประจำวันของคนเรามาก  ไอทีคือเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและอำนายความสะดวกในด้านต่างๆเช่นโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แล้วนำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย  ในยุคสมัยนี้คอมพิวเตอร์กำลังถูกนำมาประยุกต์ใช้กับงานด้านต่างๆกันอย่างกว้างขวางเช่นทุกวันนี้  การที่เราจะบรรยายหรือนำเสนอเรื่องราวต่างๆโดยอาศัยการพูดหรือการเขียนกระดานอย่างเดียวนั้น  คงจะเป็นเรื่องที่ล้าสมัยและน่าเบื่อเอามากๆเนื่องจากในปัจจุบันนี้  เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานกันอยู่ในสำนักงานหรือสถาบันการศึกษาทั่วๆไปนั้น มีความสามารถในการแสดงภาพ เสียง และข้อความ ต่างๆประสานสอดคล้องกันเป็นอย่างดี
ปีนี้ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคไอที่แล้ว ปีนี้เป็นปีที่แวดวงไอทีเปลี่ยนแปลงอย่างมากมากเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่ตัวเทคโนโลยีที่ก้าวเร็วจนคนหลายคนตามไม่ทัน แม้แต่วัฒนธรรมในการใช้ไอทีของคนเราก็เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ที่หันมาใช้ไอทีเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการสร้างสีสันให้กับชีวิต เราจึงได้เห็นบทบาทของเยาวชนไทย ทั้งในฐานะผู้รับเทคโนโลยีและเจ้าของเทคโนโลยี  กลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา เรามักจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด ไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆจากเยาวชนเหล่านี้เพิ่มขึ้น  อย่างไรก็ตามในเมื่อมีผลดีก็ต้องมีผลเสียตามมาด้วยเช่นกัน

เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทที่สำคัญในทุกๆวงการ  ดังนั้นจึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ  การศึกษาและการเมือง ได้อย่างมาก  เราสามารถรับรู้ข่าวสารได้ทันที เราใช้เครือค่ายอินเตอร์เน็ตในการสื่อสารระหว่างกันและติดต่อกับคนได้ทั่วโลก จึงเป็นที่แน่ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม  สังคม การศึกษา  เศรษฐกิจและการเมืองมีส่วนมาจากการวิวัฒนาการทางด้านสารสนเทศนี้ด้วย  ดังนั้นเราควรใช้เทคโนโลยีด้วยความมีสติ ใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเองมากที่สุด อาจจะช่วยทดแทนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้บ้าง


คอมพิวเตอร์ถือว่าเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ทุกบ้านต้องมีไว้อำนวยความสะดวกก็ว่าได้ ด้วยในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้มีขนาดเล็กลง และ ราคาก็ไม่แพงนัก คนทั่วไปสามารถซื้อหามาใช้ได้เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไป ในหน่วยงานทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ก็มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในหน่วยงานขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีการใช้สูงขึ้น การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น เพราะคอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้รวดเร็ว คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ตลอดเวลา คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ถ้ามีการกำหนดโปรแกรมทำงานที่ถูกต้อง คอมพิวเตอร์สามารถทำงานแบบคนได้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย ในงานที่มีความเสี่ยงสูงในโรงงานอุตสาหกรรมได้ คอมพิวเตอร์ได้เข้าไปมีบทบาทในทุกส่วน ในสถานศึกษา ปัจจุบันตามสถานศึกษาต่างๆ ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมากมาย รวมทั้งใช้คอมพิวเตอร์ในงานบริหารของโรงเรียน ในงานวิศวกรรม คอมพิวเตอร์สามารถจะทำงานในด้านวิศวกรรมได้ตั้งแต่ขั้นตอนการลอกเขียนแบบ จนกระทั่งถึงการออกแบบโครงสร้างของสถาปัตยกรรมต่างๆ คอมพิวเตอร์สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น เครื่องมือวิเคราะห์สารเคมี เครื่องมือการทดลองต่างๆ แม้กระทั่งการเดินทางของยานอวกาศต่างๆ คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากมาย มีความรวดเร็ว และถูกต้อง ทำให้สามารถได้ข้อมูลที่ช่วยให้สามารถตัดสินใจในการ ดำเนินธุรกิจ คอมพิวเตอร์ได้ถูกนำมาใช้ในการเก็บประวัติของคนไข้ ควบคุมการรับ และจ่ายยา ตลอดจนยังอยู่ในอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ในวงราชการคอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้ในงานทะเบียนราษฎร์ ช่วยในการนับคะแนนการเลือกตั้ง




ที่มารูปภาพ : http://www.drphot.com/talk/wp-content/uploads/2013/11/Business-Presentation.jpg
               : http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000012019701.JPEG