เพลง

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

week 5 เรื่องที่นักเรียนสนใจ : จะสอบมาฟิตจดโน๊ตกัน

    สวัสดีค่าาาา J  วันนี้เราจะมาเเนะนำเทคนิคการจดโน๊ตเเละเเนะนำเทคนิคการเรื่องการอ่านหนังสือมาฝากค่าาาา อ๊ะ!!! เห็นว่าเป็นเรื่องเรียนเเล้วอย่าเพิ่งหนีกันไปน้าาเพราะว่ามันมีความรู้เเละมีสาระมาก อยากให้ได้ลองอ่านกันดูเว้ย คือดีจริิงใช้ได้จริงสนุกด้วย เค้าคอนเฟิร์มค้าาาา

 

       เรารู้ว่าทุกคนมีปัญหาเรื่องการเรียนด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเรียนไม่รู้เรื่อง อ่านเองไม่เข้าใจ หรือไม่มีวิธีการจำเเบบเกร๋ๆ จะจดโน๊ตยังไงให้เข้าสมอง เเละอันนี้สำคัญมากมากกกกกกเรื่องว่าเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ ก็คือ อาการคิดอะไรไม่ออกถ้าถึง Deadline ก็คือนิสัยที่ชอบอ่านหนังสือก่อนสอบวันเดียวหรือการปั่นงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืนนั่นเอง 555555 เรารู้ว่าเป็นเพราะเราก็เป็นเหมือนกัน เราจะมาเเก้ไขปัญหานี้ไปพร้อมกันค่ะ  1 2 3 สู้!!


เริ่มกันเนอะ จดโน๊ตยังไงให้เวิร์คให้เข้าใจให้เป็นตัวเรา
อย่างเเรกเลยเราก็เลือกเเบบการจดโน๊ตก่อนว่ามันเข้ากับเราไหมทำเเบบไหนเเล้วรู้รู้สึกว่าโอ๊ยยยโคตรใช่เลย เราก็มีมาเเนะนำหลายเเบบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นจดในสมุดธรรมดา เป็นการ์ด เป็นโปสเตอร์ เเบบคอร์เนล หรือจะเป็นเเบบ mind mapping นะคะ 




ก่อนเราจะเริ่มเขียนโน๊ตกัน มีอะไรบ้างที่จำเป็น อย่างเเรกต้องสมุดจดหาซื้อได้ตามทั่วไปค่ะ เชื่อว่ามีที่ถูกใจใครหลายคนชัวๆ มีทั้งเเบบเรีนบง่าย มีลาย มีเส้นมีตาราง โอยยยเยอะเเยะมากมายลองไปเลือกๆดู
อย่างที่สองก็คือปากกาดิสอ สี บลาบลาๆที่บางคนก็มีมากจนสามารถเปิดร้านขายเครื่องเขียนได้ เเล้วเราก็เลือกfont ที่เราอยากให้มันปรากฎไว้บนสมุดของเราค่ะ พูดเหมือนง่ายนะะ มันก็ง่ายนะในวันเเรกอ่ะ วันที่2345 จะยากมากเพราะไฟหมด เห้ยยยอย่าเพิ่ง!! ลองดูกันก่อนนะ

มาดูที่เเบบแรกกัน cornell note- Taking อันนี้เราเอามาจาก ig : littleblogforstudy ค่ะ 
ซึ่งเป็นวิธีการจดเลคเชอร์เเบบมหาวิทยาลัยคอร์เนล 
วิธีการก็ง่ายๆค่ะ เริ่มโดยการเเบ่งกระดาษออกเป็น3ส่วน ตามภาพ เป็น 

1. Note-taking area เอาไว้จดทุกอย่างเท่าที่เราจะจดค่ะ เหมือนจดเนื้อหารายละเอียต่างๆที่สำคัญมากๆ
2. Cue column เอาไว้จด keyword เเละคำถามที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของเนื้อหาที่เรากำลังจดหรือเรียนอยู่ หลักๆเลยคือส่วนที่เราสามารถเล่าเป็นลำดับๆให้คนอื่นเข้าใจได้
3. summary area ตรงนี้เอาไว้จดหลังจากที่เราเรียนเสร็จเเล้ว กลับมาทบทวนหรือความรู้สึกข้อคิดเห็นคำถามต่างๆ

ต่อไปคือเเบบ mind mapping นะคะ


จริงๆ ไอmind map เนี่ยยทำมาตั้งเเต่เด็กยันโตเลยย ท่าทางจะเบื่อเเละไม่อยากทำมันมากเลยใช่ไหม เวลาที่ครูสั่งชิ้นงาน mind mapเนี่ยเเทบอยากจะกระโดดลงตึกไปเร็วๆ ถ้าคุณคิดเเบบนั้นคุณคิดถูกเเล้วค่ะ55555 เเต่ความจริงเเล้วมันมีคุณสมบัติที่ดีกว่าที่เราคิดน้าา เพราะมันเป็นการสรุปที่ครบเครื่องมากๆเเล้วก็ทำให้เราเข้าใจภายในครั้งเดียว ยิ่งเวลากลับมาดูกลับมาทบทวนอีกครั้งนี่เป็นอะไรที่ไวต่อสมองยิ่งกว่ากินเปปทีนอีกนะคะ 
ข้อเเนะนำเพิ่มเติมสำหรับการทำ mind map ก็คือ เวลาที่เราเเตกกิ่งมันออกมาเนี่ยเราควรที่จะให้กิ่งนั้นๆเป็นสีเดียวกัน เเล้วกิ่งย่อยเเต่ละหัวข้อก็ควรเป็นสีเดียวกัน เพื่อเเยกไม่ให้เเต่ล้ะกิ่งเเต่ละหัวข้อมันปนกันนั่นเอง
                                                                 
ต่อไปขอนำเสนอนี่เลยยยยย วิธีการจดศัพท์เเละท่องศัพท์ค่า 


  index cards or flash cards 

 

มันคือการ์ดคำศัพท์นั่นเอง เราจะเเบ่งออกมาเป็น 3 กลุ่ม 
1. กลุ่มนี้เอาไว้เเยกคำศัพท์ที่เรารู้อยู่เเล้ว เเบบเเม่นๆเลย
2. กลุ่มนี้คือคำที่เรายังท่องผิดๆถูกๆมั่วบ้างฟลุ๊คบ้าง
3. ส่วนกลุ่มสุดท้ายเป็นคำศัพท์เเปลกไม่ คือคำไรอ่ะไม่รู้เลยไปอยู่ที่ไหนมา เป็นกลุ่มที่เราจะพยายามพกไปทุกที่ไม่เว้นเเต่ห้องน้ำค่ะ เราจะท่องมันจนกว่ามันจะย้ายปอยู่กลุ่มเเรกค่ะ

    poster/sticky notes


อันนี้เป็นเเบบที่คนใช้เยอะเป็นที่นิยมค่ะ ก็คือเขียนคำศัพท์ไว้ที่โพสต์อิทเเล้วก็เเปะไว้ทั่วบ้านค่ะ คัลเลอร์ฟูสุดๆ 

ส่วนขั้นตอนสุดท้ายที่เอามาเเนะนำก็คือ ตีตารางในสมุด หรือจะซื้อสมุดเเบบตารางก็ได้ค่ะ
วิธีทำมีดังนี้ ตีตารางเป็นช่องตามต่อไปนี้



  • part of speech 
  • prefix/suffix : อย่างเช่นคำว่า ject เราก็เเยกคำศัพท์ออกมาเป็น object,reject,eject เป็นต้น
  • synonym / antonym 
  • similar meaning : increase = extend, expand, accelerate, reinforce, intensify
  • เเบ่งเป็นหมวด sports = tennis, football, basketball 

ความขี้เกียจที่ใครๆก็มี เราเข้าใจว่าการก้าวผ่านความขี้เกียจที่สูงเท่าต้นถั่วในเเจ็คผู้ฆ่ายักษ์ (หืมมมสูงไปป่ะ) มันไม่ยากเว้ยเเต่ยากมาก มาดูกันว่าเราจะพิชิตมันได้ยังไง

  • หากไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนเริ่มยังไงดี ให้เราเขียนสิ่งที่เราจะทำเช่นการบ้านการสอบการอ่านหนังสือ กำหนดเวลาเริ่มเเละกำหนดเวลาทำให้เสร็จให้เรียบร้อย พยายามทำงานให้เสร็จก่อนช่วงสอบก็ได้ไม่ต้องเครียดไม่ต้องปั่นงานกับอ่านหนังสือสอบพร้อมกัน
  • สิ่งที่อ่านอยู่มันเกินจะทนเเล้วจริงๆ มันไม่ไหวมันไม่ใช่ มันจะหลับเอาให้ได้ ควรทำยังไง? เราก็ควรทำตัวให้แอคทีฟอยู่ตลอดพยายามคิดว่ามันคืออะไรทำอะไรที่ไหนยังไง หรือไม่ก็ทำเป้นเรื่องเเล้วติวให้เพื่อนก็น่าะเป็นวิธีที่ดีนะคะ
  • บางทีถ้าเราึู้สึกท้อรู้สึกเหนื่อยรู้สึกเหมือนไม่รู้ว่าที่กำลังทำอยู่นั้นทำไปเพื่ออะไร เเค่เราคิดถึงพ่อเเม่เราอ่ะมันก็ทำให้เราหายเหนื่อยเเล้วอยากจะสู้อีกครั้งนะ เราเชื่อว่าความขี้เกียจของเราไม่มีวันเอาชนะความพยายามของเราได้หรอก 


ของเเถม

รีวิวการเขียนไดอารี่ประจำวัน หลายๆคนคิดว่าการเขียนไดอารี่นี่เป็นยุคพ่อเเม่เท่านั้นที่รุ่งเรื่อง ตอนนี้คงล่มสลายเพราะยุคสมาร์ทโฟนเข้ามาเเทนที เเต่ถ้าโดยความรู้สึกนะมันต่างกันมากอะ มันเหมือนเป้นความรู้สึกของเราวันต่อวันที่ออกมาากความคิดของเราจริงๆว่าวันนี้เราเจออะไรมาบ้างเรารู้สึกยังไง เป็นเเบบไหนทำอะไรไม่ดีมาอยากจะเเก้ไขอะไรบ้างผ่านตัวอักษรที่เขียนลงไปได้อยากอิสระ ไม่ใช่การพิมการเเชทเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง จริงๆเเชทกับเพื่อนมันก็สนุกนะเรื่องราวจากที่เฉยๆก็กลายเป็นตื่นเต้นเร้าใจยกกำลังสองได้อะ เเต่มันก็คงต่างจากเขียนไดอารี่



ตรงที่มันมีความเป็นส่วนตัวเป็นตัวเอง เป็นความคิดของเราล้วนๆที่เราเองบางทีก็ไม่สามารถเล่าให้คนอื่นฟังได้ หรือไม่ต้องมานั่งกังวลว่าคำพูดนี้จะทำให้ใครต้องเจ็บปวดไหม ตัวหนังสือพวกนั้นเหมือนทำให้เรากลับมาทบทวนความรู้สึกของตัวเองในเเต่ละวันเพื่อที่ะเเก้ไขตัวเองไปเรื่อยๆ 











อยากให้เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านได้ลองทำดูนะ คือลองทำเเล้วเว้ยมันดีจริงๆเลยเอามาฝากกัน ชีวิตเปลี่ยนจริงนะเเกรรรรรรร <3

ต้องขอขอบคุณ littleblogforstudy ทั้งรูปภาพเเละคำเเนะนำ เป็นไอจีที่เเนะนำเกี่ยวกับการเรียนคือดีมากอ่ะะะ มีเเต่คำเเนะนำดีดีทั้งนั้นน กราบงามๆๆ ไปฟอลสิคะรออะไรอยู่

2 ความคิดเห็น: